ชีวิต "จูหลิง" ประทีปแห่งดอยเหนือ
อีกครั้งแล้ว... ที่ต้องเขียนถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์จากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกครั้งที่ได้เขียนถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่ถูกคนในผืนแผ่นดินเดียวกันมาทำร้ายกันเองแล้ว ...ปวดหัวใจเสียทุกครั้งไป... และครั้งนี้ก็เป็นอีกหน หนนี้เป็นคราวเคราะห์
ผู้เข้าชมรวม
452
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
อีกครั้งแล้ว... ที่ต้องเขียนถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์จากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกครั้งที่ได้เขียนถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่ถูกคนในผืนแผ่นดินเดียวกันมาทำร้ายกันเองแล้ว ...ปวดหัวใจเสียทุกครั้งไป... และครั้งนี้ก็เป็นอีกหน หนนี้เป็นคราวเคราะห์ของสาววัย 27 ปี "จูหลิง"
ชื่อของครูจูหลิง นางสาวจูหลิง กันปงมูล หรือจุ้ยของพ่อกับแม่ กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศเพียงชั่วข้ามคืน ภายหลังจากที่เธอตกเป็นเหยื่อบริสุทธ์คนล่าสุดในเหตุการณ์ที่ถูกกลุ่มคนร้ายใจทมิฬทำร้ายร่างกายปางตายที่โรงเรียนบ้านกูจิงรือปะ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส
การกลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศหนนี้ไม่ได้ทำให้ครอบครัวกันปงมูลดีใจเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามมันกลับทำให้หัวใจของคนในครอบครัวดับสลาย โดยเฉพาะหัวใจของนายสุน กันปงมูล อายุ 60 ปี กับนางคำมี กันปงมูล อายุ 59 ปี พ่อกับแม่ที่รอดูความสำเร็จในแต่ละขั้นชีวิตของลูกสาวคนเดียวอยู่ที่บ้านปงน้อยใต้ ตำลปงน้อย กิ่งอำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย
จากที่เคยหวังไกล... วันนี้พ่อกับแม่ขอหวังเพียงแค่ได้ยินเสียงลมหายใจขอให้ลูกสาวก็เพียงพอแล้ว !!!
ตั้งแต่เล็กจนโต ลูกสาวของพ่อสุนและแม่คำมีเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน การันตีได้จากเมื่อครั้งเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนอนุบาลปงน้อย (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นอนุบาลดอยหลวง) จูหลินได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องมาตลอดตั้งแต่ ป.1-ป.6
ทันทีที่จบในระดับประถมศึกษา เธอเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนปงน้อยรัฐมังคลาภิเษก อยู่ในตำบลเดียวกัน (ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนดอยหลวงรัฐมังคลาภิเษก) จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วย้ายมาเรียนต่อที่วิทยาลัยอาวีวะศึกษาเชียงราย แผนกวิจิตรศิลป์ สาขาศิลปกรรม จังหวัดเชียงราย
จูหลิงรู้ดีว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่พ่อแม่ส่งเสียให้เธอเรียนนั้นมันต้องแลกด้วยที่นาที่เป็นที่ทำกินของพ่อแม่ ทำให้เธอมุมานะหวังจะเอาปริญญาบัตรไปฝากพ่อแม่ให้จงได้
แล้วเธอก็ทำได้ เพราะในปี 2545 จูหลิงจบปริญญาตรีสาขาศิลปศาสตรบัณฑิต ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ที่นี่นี่เองที่จูหลิงได้เรียนในสิ่งที่เธอรัก นั่นคือ ศิลปะ ในช่วงเรียนจูหลิงมักไปรับจ้างวาดภาพฝาผนังตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ที่ที่เธอชอบเดินทางไปมากที่สุดคือภาคใต้ จูหลิงหลงใหลในศิลปกรรมที่ภาคใต้ เธอรักภาคใต้
จนจูหลิงตัดสินใจที่จะทำประโยชน์ให้เกิดกับภาคใต้ ด้วยการเรียนต่อในหลักสูตรคุรุศาสตรบัณฑิตเพิ่มอีก 1 ปี เพราะหวังว่าจะได้ตอบแทนพระคุณแผ่นดินด้วยการให้การศึกษากับเยาวชน และที่เธอเลือกจะเป็นครูที่ภาคใต้ ด้วยเหตุผลว่า "อยากช่วยเด็กๆ ที่ใต้เพราะทุกวันนี้พื้นที่ใน 3 จังหวัดภาคใต้หาครูได้ยากเต็มที" เธอเคยปรารภว่าอย่างนั้น
จนเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมานี้เอง ประมาณเดือนตุลาคม พ่อแม่ก็ได้ภูมิใจกับจูหลิงอีกครั้งเมื่อรู้ข่าวดีที่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นข่าวร้ายในวันนี้ว่า ลูกสาวกำลังจะเป็นแม่พิมพ์ของชาติแล้วที่โรงเรียนบ้านกูจิงรือปะ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ในตำแหน่งครูสอนศิลปะ
จริงๆ แล้ววันนี้ครูจูหลิงต้องวุ่นวายอยู่กับการตรวจผลงานของเด็กๆ จริงๆแล้ววันนี้ครูจูหลิงต้องยืนหน้าชั้นเรียนเพื่อสอนศิลปะให้กับเด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านกูจิงรือปะ แต่ในความเป็นจริงวันนี้ของครูจูหลิง... เธอกลับต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์แทนห้องเรียน
"ตึ๊ก...ตึ๊ก...ตึ๊ก..."เสียงหัวใจของจูหลิงยังคงดังให้ได้ยิน แต่ทว่า...เสียงนั้นดูจะค่อยๆ เบาลงทุกที ทั้งที่พวกเราชาวไทยต่างพร้อมใจกันภาวนาให้เสียงหัวใจดวงนี้ดังกังวานต่อไป ครูจูหลิงจงสู้..! พวกเราทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ... ปาฏิหาริย์จะได้เกิดกับเธอคนนี้ ...
นายนิวัฒน์ หรรษา ครูโรงเรียนอนุบาลดอยหลวง ซึ่งเคยสอน "ครูจูหลิง" มาตั้งแต่เด็กเล่าว่า จูหลิงตั้งใจเรียนและยังมีพรสวรรค์ในเรื่องของกีฬา โดยเฉพาะวิ่งและวอลเลย์บอล ขณะเดียวกันก็ชอบการวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ ถือเป็นศิษย์คนหนึ่งที่ทางโรงเรียนภาคภูมิใจ แม้จะจบไปแล้วก็ยังมาช่วยกิจกรรมของโรงเรียนและหมู่บ้าน โดยเฉพาะการวาดภาพในโรงเรียน ตามหมู่บ้านหรือกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่างๆ
"เคยห้ามอยู่เสมอว่า ภาคใต้นั้นมันอันตราย แต่เธอบอกว่าชื่นชมในศิลปะของภาคใต้ และอยากพัฒนาการศึกษาให้กับเด็กภาคใต้ เนื่องจากบางพื้นที่ประสบภาวะขาดแคลนครู ซึ่งไม่คิดว่าเหตุการณ์โหดร้ายจะเกิดขึ้นกับคนดีๆ แบบนี้"
น.ส.วัชรี กันชัย พยาบาลวิชาชีพ 4 สถานีอนามัยปงน้อย เพื่อนสนิท เล่าว่า จุ้ยทำงานเก่ง เป็นคนร่าเริงและโอปอ้อมอารี
"รู้สึกเสียใจมากที่เพื่อนต้องมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ เคยชวนมาทำงานอยู่บ้านก็ไม่มา เขาพูดเสมอว่าเขายึดหลัก อยู่ที่ไหนก็เมืองไทย ทำงานอะไรหรือที่ไหนหากทำดีก็สามารถทำได้ทุกที่ แต่แล้วเหตุการณ์เลวร้ายก็เกิดขึ้นจนได้ อยากประณามกลุ่มที่กระทำการนี้และอยากให้จับคนผิดมาดำเนินคดีเร็วๆ"
นางแสงหล้า พรมมา น้าสาว กล่าวว่า ปกติหลานสาวก็เป็นคนร่าเริงเข้ากับคนง่าย ไม่คิดว่าจะ ถูกกระทำอย่างไม่ยุติธรรมเช่นนี้ ซึ่งเขาเป็นอนาคตของครอบครัว เป็นเสาหลักของบ้าน ส่วนญาติพี่น้องเองก็มีความภาคภูมิใจที่เขาได้เป็นข้าราชการ ซึ่งเป็นเกียรติต่อตระกูลเพราะเป็นคนแรกที่รับราชการ
ผลงานอื่นๆ ของ yobito ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ yobito
ความคิดเห็น